Avartar

ครั้งแรกที่เห็นภาพโปสเตอร์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ ในความรู้สึกของผมตอนนั้นบอกได้คำเดียวว่า มาอีกแล้วเหรอภาพยนตร์ประเภทนี้ ดูจากภาพโปสเตอร์แล้วก็คล้ายๆ กับหนังวิทยาศาสตร์เรื่อง Star Trek และภาพโปสเตอร์ก็ไม่ได้ดึงดูดให้อยากดูนัก แต่พอดูไปดูมา ผมก็มาสะดุดหัวแทบทิ้มกับชื่อของผู้กำกับเรื่องนี้ เจมส์ คาเมรอน ครับ อ่านไม่ผิดแน่ ภาพยนตร์เรื่อง Avatar ผู้กำกับคือ เจมส์ คาเมรอน ผู้กำกับในตำนานของผมเลย เจมส์ คาเมรอน (James Cameron) โด่งดังในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง The Terminator หรือคนเหล็กในปี1984 โดยเฉพาะคนเหล็กภาค 2 ที่ได้ อาร์โนลด์ ชวาร์ซเนกเกอร์ เล่นประกบคู่กับ ลินดา แฮมมิลตัน ทำให้ชื่อของคาเมรอนเป็นชื่อที่ติดหูมากเลย ถัดจากนั้นก็มีภาพยนตร์ที่สร้างความฮือฮาออกมาอีกอย่าง Aliens ในปี 1986 และที่สุดของที่สุดก็คงเป็นเรื่อง Titanic ในปี 1997 หนังเรื่องนี้ได้ทั้งเงินได้ทั้งรางวัลอีกมากมาย และเป็นหนังที่ทำสถิติรายได้สูงสุดอีกด้วย ทำให้ชื่อของแจ๊ค กับ โรส ติดตาตรึงใจคนทั้งโลกจนถึงทุกวันนี้ และคาเมรอนก็ได้ตำแหน่ง ราชาแห่งภาพยนตร์ (King of the world) ไป หายไปประมาณ 12 ปี คาเมรอนก็นำผลงานชิ้นใหม่มาให้ชาวโลกอย่างเราๆ ได้ดูกันอีก แถมคุยอีกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นภาพยนตร์ที่ออกมาเพื่อปฏิวัติวงการภาพยนตร์ ซึ่งคาเมรอนมั่นใจในเทคโนโลยีที่เขานำมาสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้มาก ทั้งการเป็นหนัง 3 มิติและการผสมผสานการถ่ายทำจากคนจริงๆ เข้ากับการสร้างภาพจากเครื่องคอมพิวเตอร์คุณภาพสูงสุด (Computer Generated Imagery-CGI) ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงไม่ใช่มีจุดเด่นที่พล็อตเรื่อง แต่เป็นสารพัดเทคโนโลยีที่เขาเอามาสร้างหนังเรื่องนี้มากกว่า และใช้เวลาถึง 4 ปีในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมได้มีโอกาสดูเบื้องหลังการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ อยากบอกว่าอุปกรณ์การถ่ายทำของเขาทุกๆ อย่างสุดยอดมาก โดยเฉพาะกล้องถ่ายหนังที่เป็นระบบ 3 มิติ นั้น สุดยอดจริงๆ แม้จะเป็นแค่ห้องสี่เหลี่ยมๆ แต่เมืื่อมองผ่านกล้องตัวนี้แล้วภาพพื้นหลังต่างๆ ก็จะเห็นเป็นภาพตามที่ได้ลงโปรแกรมไว้ทันที ส่วนนักแสดงก็ใช้นักแสดงจริงๆ ติดสายระโยงระยางเต็มไปหมด แต่ภาพที่เห็นผ่านกล้องตัวนี้ ก็คือตัวตนของตัวละครในภาพยนตร์เลย เรียกว่าตอนที่เราดูเรื่องนี้เห็นหน้าตาตัวละครเป็นอย่างไร ตอนที่ถ่ายทำผ่านกล้องนี้ ก็จะเห็นเป็นอย่างนั้นเช่นกัน นักแสดงก็มีหน้าที่แสดงไปตามบทเท่านั้น ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงได้ชื่อว่าเป็นภาพยนตร์ที่มีทุนในการสร้างสูงที่สุดในโลก คือประมาณ หนึ่งหมื่นล้านบาท ซึ่งทาง 20th Century Fox บริษัทต้นสังกัด ก็เชื่อในฝีมือของคาเมรอน และยอมควักกระเป๋าตังค์จ่ายตรงนี้ให้ เราเคยดูแต่ภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวมาบุกโลกเรา แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ พวกเรา (ชาวมนุษย์โลก) กลับกลายเป็นพวกมนุษย์ต่างดาวที่เราไปบุกหรือลุกลานในโลกของคนอื่นเขา เรื่องย่อๆ มีอยู่ว่า โลกเราได้ขาดพลังงานก็ต้องแสวงหาจากแหล่งอื่น และก็สืบทราบมาว่าที่ดวงดาว แพนโดร่า เป็นดาวที่สมบูรณ์ที่สุด และที่สำคัญ มีแร่พลังงานเต็มไปหมด (ในหนังบอกว่า แร่พวกนี้ขายกันที่กิโลกรัมละ 200 ล้าน แพงจริงๆ) บริษัทที่จัดการเรื่องนี้จึงได้ส่งพวกนักวิทยาศาสตร์ และพวกทหารรับจ้างไปยังดาวแพนโดร่านี้ทันที ซึ่งเจค ซัลลี่ (แซม เวิร์ธธิงตัน/Sam Worthington) พระเอกของเรื่องผู้พิการขาทั้งสองข้างและเป็นทหารรับจ้างก็ติดไปกับโครงการนี้ด้วย ด้วยบรรยากาศของดาวแพนโดร่าที่เป็นพิษต่อร่างกายมนุษย์ พวกเขาจึงต้องพัฒนาโปรแกรมอวตาร เพื่อแปลงสภาวะจิตของคนให้ไปอยู่ในร่างอวตาร และเจคที่อยู่ในร่างของอวตาร มีภารกิจต้องแทรกซึมเข้าไปในกลุ่มชาวนาวี ชนเผ่าพื้นเมืองของดาวดวงนี้ ที่เป็นอุปสรรคสำคัญของชาวโลกในการเข้าถึงเหมืองแร่ล้ำค่า แต่นาวีสาวสวยชื่อ นีย์ทิรี้ (โซอี้ ซัลดาน่า/Zoe Saldana) ได้ช่วยชีวิตเจคไว้และแผนการทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลง เจคได้เข้าร่วมชนเผ่าของเธอ ต่อต้านพวกมนุษย์โลก
นอกจากภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีเทคนิคในการสร้างที่ล้ำสมัยสุดๆ แล้ว ยังสร้างภาษาขึ้นมาอีก 1 ภาษา คือภาษาของชนเผ่านาวี เคยมีปรากฏการณ์อย่างนี้มาแล้วครั้งหนึ่งกับเรื่อง The Lord of the Ring ซึ่งหนังเรื่องนี้ได้สร้างภาษาให้กับชาว เอลฟ์ แล้วพวกแฟนคลับที่ชอบหนังเรื่องนี้ก็เลยไปศึกษาภาษาเอลฟ์กันอย่างมุ่งมั่น แล้วคุยภาษาเอลฟ์กันในหมู่แฟนคลับอีกด้วย ก็หวังว่าภาษาที่ถูกสร้างขึ้นใน Avatar กับภาษาของชาวนาวี ถ้ามีแฟนคลับของเรื่องนี้มาศึกษาภาษานี้อีก อีกไม่นานก็คงได้ยินแฟนคลับของหนังเรื่องนี้พูดคุยกันด้วยภาษานาวีเป็นแน่แท้ อ้อ..นอกจากจะมีภาษาที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่แล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังถูกนำไปสร้างเป็นเกมส์คอมพิวเตอร์อีกด้วยนะครับ (ของเครื่องเล่น X-BOX) ใครที่เป็นแฟนคลับเรื่องนี้ก็คงไม่พลาดเช่นกัน ตลอดระยะเวลาเกือบ 3 ชั่วโมงสำหรับการชมภาพยนตร์เรื่องนี้ เรียกว่าเป็นการดูภาพยนตร์ที่ไม่อยากให้สายตาของเราพลาดไปแม้แต่ฉากเดียว เนื้อเรื่องดำเนินได้เร็วกระชับเข้าใจง่ายแม้จะเป็นหนังวิทยาศาสตร์ ส่วนเรื่องภาพคงไม่ต้องพูดถึงกันแล้ว เป็นอะไรที่สุดยอดมาก สำหรับผมชอบมากที่สุดก็เป็นฉากเรื่องแสงต่างๆ สวยดีครับ อีกฉากที่ชอบก็คงเป็นฉากที่เป็นภูเขาลอยได้ ถ้าใครเป็นพวกเกมเมอร์ด้วยแล้ว คงจะเห็นฉากต่างๆ เหล่านี้มาบ้างแล้วในเกมต่างๆเช่น มอนสเตอร์ฮันเตอร์ หรือเกมฟรอนท์มิชชั่นหรือจะเป็นเกมไฟนอลแฟนตาซี ฉากจะคล้ายกันบ้าง แต่ Avatar สุดยอดกว่า ผมว่าคาเมรอนฉลาดที่เอาสิ่งดีๆ ที่คนเห็นในโลกภาพยนตร์ต่างๆ มาแต่งเติมเสริมยอดให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ จะเห็นว่าไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่องที่ดูธรรมดาที่สามารถเดาเนื้อเรื่องถูกได้ตลอดทั้งเรื่อง แต่เป็นเนื้อเรื่องที่ไม่ธรรมดา เมื่อมีการสอดแทรกสิ่งดีๆ เอาไว้อย่างมากมาย ผมว่าเป็นภาพยนตร์เรื่องเดียวที่อุดช่องโหว่ไว้หมดถึงแม้ว่าจะเป็นหนังแฟนตาซี แต่เหตุและผลดีมาก ไม่มีหลุดอะไรออกมาให้ตำหนิแม้แต่น้อย นักแสดงแสดงได้ดีกันทุกคน ไม่ว่าจะเป็นตัวเอกอย่างเจค ซัลลี่ (แซม เวิร์ธธิงตัน/Sam Worthington - ซึ่งเรื่องก่อนหน้านี้ ในคนเหล็ก 4 เขาก็ได้รับบทเด่นเช่นกัน) หรือนางเอกของเรื่องอย่าง นีย์ทิรี้ (โซอี้ ซัลดาน่า/Zoe Saldana) อีกคนที่ผมชอบเธอมาก ชอบมาตั้งแต่เธอเล่นเรื่อง Resident Evil แล้วคือ มิเชล ร็อดริเกซ (Michelle Rodriguez) เธอเล่นเป็นทรูดี้ในเรื่องนี้ยังคงเท่เหมือนเดิม อีกคนถ้าไม่เอ่ยถึงคงไม่ได้
กับตัวร้ายของเรื่อง สตีเฟน แลง (Stephen Lang) ในบทพันเอกไมล์ ควอริชท์ ดูเรื่องนี้แล้วผมว่าได้อะไรมากกว่าที่คิดไว้เยอะ ดูเรื่องนี้แล้วผมไม่ชอบพวกมนุษน์ที่เห็นแก่ได้ รังแกผู้อื่นเพื่อต้องการของๆเขา แต่ถ้ามองในอีกมุมชาวโลกก็ต้องการเอาตัวรอดจากสภาวะโลกขาดพลังงาน แต่ชาวนาวีเขาก็ต้องการเอาตัวรอดจากการถูกลุกลานของชาวโลกเช่นกัน เขาจึงต้องลุกขึ้นมาสู้ และก็เห็นอีกว่า ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีเทคโนโลยีดีแค่ไหน แต่ก็ยังแพ้ความสามัคคีของคนในชาติ แพ้ความรักที่มีให้กับแผ่นดินบ้านเกิดเมืองนอน แพ้ในความรู้สึกชั่วดี และก็ยังมีอะไรดีๆ อีกหลายอย่างที่อยู่ในเรื่องนี้ Avatar ถูกเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม, ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม และเพลงประกอบยอดเยี่ยม ผมก็หวังไว้ว่า ทั้ง 4 รางวัล Avatar คงได้หมดทุกรางวัล สำหรับผมช่วงปีใหม่นี้คงหาเวลาไปดูอีกสักรอบ แต่คราวนี้คงดูในระบบ 3 มิติเลย และก็เชื่ออีกว่า คงจะคุ้มค่ากับเงินที่ต้องเสียไปแน่ๆ ครับ เพราะเรื่องนี้ผมให้ 10 เต็ม 10 เลยครับ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น